ภาพวาดของเคลนั้นจัดลำดับได้ยากมาก งานวาดในช่วงแรกๆ ของเขาเป็นภาพภูมิทัศน์ (landscape) ที่วาดด้วยเส้นดินสอที่บ่งบอกถึงอิทธิพลของอิมเพรสชั่นนิซึ่ม
Paul Klee ,Camel in Rhythmic Wooded Landscape
Paul Klee ,Landscape with Yellow Birds ,1923
จนถึงปี 1912 เขาเริ่มผลิตงานที่เป็นภาพร่างลายเส้นขาวดำมากขึ้น แนวความคิดฝันเฟื่อง (Fantasy) และความเยาะเย้ยถากถาง (satire) ที่เด่นชัดผลงานของเขานี้สะท้อนให้เห็นอิทธิพลของศิลปะแบบเอ็กซเพรสชั่นนิซึ่มแห่งศตวรรษที่ 20 เช่นเดียวกับจิตรกรเอกอย่าง Francisco Goya และ William Blake
Paul Klee ,Thinking too much
Paul Klee ,Mask of fear
เคลนิยมผสมผสานตัวอักษรและตัวเลขไว้ในภาพเขียนของเขา
Paul Klee ,On a Motif fromt Hamamet ,1914
Paul Klee ,Insula Dulcamara ,1938
Paul Klee ,Station L 112
Paul Klee ,Legend of the Nile
Paul Klee ,Captive
แต่ก็มีภาพเขียนจำนวนไม่น้อยที่ประกอบด้วยหินประดับโมเสคและเอ็ฟเฟ็คท์แบบอื่น ๆ
Pual Klee ,Castle and Sun
ในงานช่วงท้าย ๆ ของเคลมักมีเส้นดำเข้มผสมอยู่เสมอ ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความตายและสงคราม แต่ในภาพวาดสุดท้ายของเขา ชื่อว่า Still Life กลับเป็นภาพที่รวมเอาความสงบเย็นแห่งชีวิตของเขาในฐานะผู้สร้างสรรค์
Pual Klee ,Still Life ,1940
เคลเป็นอาจารย์อยู่ที่บาวเฮ้าส์ ซึ่งเป็นสำนักศิลปะเยอรมันที่ก้าวหน้าที่สุด ในช่วงปี 1920-1931 เคลเคยเดินทางไปอาฟริกาตอนเหนือในปี 1914 ซึ่งทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจในการวาดภาพโดยใช้สีสันและมีผลงานที่สุกงอมเต็มที่ ภาพวาดสีน้ำมันและภาพสีน้ำของเขาที่วาดไว้ในช่วงเวลา ศตวรรตที่ 20
Paul Klee ,Revolving House ,1921
Paul Klee ,Heroic Rose ,1938
Paul Klee ,Woman in Peasant Dress ,1940
Paul Klee ,New Harmony ,1936
Paul Klee ,Fire in the Evening ,1929
Paul Klee ,Blaue Nacht ,1937
ต่อมาหลังจากการเดินทางไปอาฟริกาครั้งนั้นแสดงให้เห็นความเป็นเอกของเขาใน การสร้างสีสันที่ละเอียดอ่อน เหมือนฝัน และกลมกลืน ซึ่งเป็นเทคนิคที่เคลนิยมใช้ในการวาดภาพที่มีองค์ประกอบเชิงราบ กึ่งนามธรรม หรือแม้แต่งานที่ดูเหมือนเป็นหินโมเสคประกอบกัน เช่นงานที่ชื่อว่า Pastoral
Paul Klee ,Pastoral Rhythms ,1927
Paul Klee ,Pastoral ,1927
เคลเป็นช่างสเก็ตช์ภาพที่ยอดเยี่ยมที่หาตัวจับยากคนหนึ่ง ดังนั้นงานจำนวนมากของเขาจึงเป็นภาพวัตถุที่ร่างลายเส้น ที่ดูเหมือนฟุ้งออกมาจากความฝัน เคลอธิบายเทคนิคการร่างภาพแบบนี้ว่า เป็นการคุยด้วยลายเส้น
Paul Klee ,Inspired Fantasy Line
Paul Klee ,Bauhaus ,1921
Paul Klee ,The Twittering Machine ,1922
หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เคลสอนศิลปะในสำนักเบาเฮ้าส์ (the Bauhaus school) ถึงปี 1930 เขาเริ่มสอนที่ Dusseldorf Academy แต่ถูกให้ออกโดยกลุ่มนาซี ซึ่งมองว่า ผลงานศิลปะของเขานั้น "เป็นสิ่งที่ตกต่ำ" ในปี 1933 เคลย้ายไปอยู่สวิตเซอร์แลนด์
ภายหลังปี 1935 เคลล้มป่วยด้วยโรค scleroderma สุขภาพของเคลย่ำแย่ลงเพราะโรคผิวหนังและกล้าวเนื้อ ทำให้ผลงานของเขามีลักษณะแบบราบ (ขาดความลึก) และมักจะมีเส้นหนาๆ ดำๆ เขียนด้วยดินสอประกอบในภาพที่มีสีสันของเขา ขณะเดียวกันเนื้อหาของภาพของเขาในช่วงนี้กลับดูหดหู่และน่าเศร้ายิ่งขึ้น เช่นภาพที่ดูเหมือนฝันร้ายที่ชื่อว่า Death and Fire
Paul Klee ,Death and Fire ,1940
เคลเสียชีวิตที่เมืองมูรัลโต้ (Muralto) ในสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันนี้ ๒๙ มิถุนายน 1940 ผลงานของเขามีอิทธิพลต่อจิตรกรแบบ surrealist and nonobjective ในช่วงหลังของศตวรรษที่ 20 และถือเป็นจุดกำเนิดของการเติบโตของ abstract expressionist movement